การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) Vs การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) ต่างกันอย่างไร? เลือกเทคนิคไหนให้เหมาะกับคุณ

การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) Vs การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) ต่างกันอย่างไร? เลือกเทคนิคไหนให้เหมาะกับคุณ

การดูแลสัดส่วนรูปร่างให้สวยงามและดูดีอยู่เสมอนับเป็นเรื่องสำคัญที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง ขนาดและรูปทรงของหน้าอก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความสวยงามให้กับคุณผู้หญิงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) และการเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) กลายเป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันและมีผู้สนใจเข้ารับบริการจำนวนไม่น้อยที่ยังสงสัยว่าปัญหาหน้าอกที่ตนเองกำลังเผชิญควรแก้ไขด้วยเทคนิคใด? การยกกระชับหน้าอกและการเสริมหน้าอกแตกต่างกันอย่างไร? ยกกระชับหน้าอกพร้อมเสริมหน้าอกได้ไหม? บทความนี้จาก Beauty Med Hub ได้รวบรวมข้อมูลควรรู้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกเทคนิคแก้ปัญหาหน้าอกได้เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคลสู่ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) คืออะไร

การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) คืออะไร เหมาะกับใคร

การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) คือ การศัลยกรรมเพื่อปรับตำแหน่งและรูปทรงของหน้าอกที่หย่อนคล้อย ให้ยกสูง มีความกระชับและดูสวยงามมากขึ้น วัตถุประสงค์หลักของการผ่าตัดยกกระชับไม่ได้ทำเพื่อช่วยเพิ่มขนาดของหน้าอกแต่จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยและขาดความกระชับที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เป็นหลัก เช่น ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น การตั้งครรภ์และการให้นมบุตรหรือปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยให้อกยกกระชับมากขึ้นร่วมกับการจัดตำแหน่งหัวนมและปานนมให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

การยกกระชับหน้าอกเหมาะกับใคร

  • ผู้มีหน้าอกหย่อนคล้อย ขาดความกระชับที่เกิดขึ้นจากสาเหตุต่างๆ 
  • ผู้มีปัญหาหัวนมหรือปานนมอยู่ต่ำกว่าตำแหน่งปกติ 
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกผิดรูป อกเสียทรงหลังการตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือหลังจากการลดน้ำหนักตัวลงอย่างรวดเร็ว 

ข้อดีของการยกกระชับหน้าอก

  • ช่วยปรับตำแหน่งและรูปทรงของหน้าอกให้ยกสูงขึ้น หน้าอกดูสวยกระชับและอ่อนเยาว์
  • ช่วยแก้ไขปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย 
  • ช่วยปรับตำแหน่งของหัวนมและปานนมให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้หน้าอกดูสวยงาม สมส่วน 
  • การยกกระชับหน้าอกสามารถอยู่ได้นาน 5-10 ปี หรืออาจมากกว่านั้นแตกต่างไปในแต่ละบุคคล

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการยกกระชับหน้าอก

  • การยกกระชับหน้าอกไม่ใช่ศัลยกรรมที่ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก แต่จะเน้นไปที่การยกกระชับหน้าอกให้เต่งตึง ดูสวยงามได้รูปเป็นหลัก
  • ปัญหาที่พบได้บ่อยหลังการยกกระชับหน้าอก คือ ขาดเนินหน้าอกด้านบนและมีเนื้อหน้าอกส่วนล่างหย่อนคล้อยลงมา ทำให้ผู้เข้ารับบริการบางรายอาจรู้สึกว่าหน้าอกยังไม่สวย ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมหน้าอกในภายหลัง 
  • การยกกระชับหน้าอกไม่สามารถหยุดยั้งผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้อย่างถาวร หน้าอกอาจกลับมาหย่อนคล้อยได้อีกในอนาคตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร หรือการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว
  • อาจมีความเสี่ยงหลังการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ การเกิดเลือดคั่งหรือมีเลือดออกมากหลังการผ่าตัด การเกิดรอยแผลเป็น ความรู้สึกชาหรือไวต่อสัมผัสที่ผิดปกติบริเวณเต้านม

การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) คืออะไร

การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) คืออะไร เหมาะกับใคร

การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) คือ การผ่าตัดเพื่อปรับเพิ่มขนาดหน้าอกให้มีขนาดใหญ่และได้รูปทรงที่สวยงามตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการและรับเข้ากับสรีระร่างกายได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยการเสริมหน้าอกสามารถทำได้ด้วยการใช้มันจากร่างกายของตัวเอง (Fat Transfer) และการเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant) หรือถุงซิลิโคน (Silicone) ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าเพราะสามารถคงตัวได้ดี มีขนาดให้เลือกใช้ตั้งแต่ 200-500 cc มีวิธีการผ่าตัดและวางซิลิโคน 3 ตำแหน่ง ได้แก่ การวางซิลิโคนแบบเหนือกล้ามเนื้อ การวางใต้กล้ามเนื้อและการวางแบบใต้กล้ามเนื้อบางส่วน ขึ้นอยู่กับปัญหาและโครงสร้างหน้าอกของแต่ละบุคคล 

การเสริมหน้าอกเหมาะกับใคร

การเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้

  • ผู้มีหน้าอกขนาดเล็กและต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อช่วยเสริมความมั่นใจ
  • ผู้มีขนาดหน้าอกสองข้างไม่เท่ากัน หน้าอกไม่สมดุล 
  • ผู้มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเมื่ออายุมากขึ้น 
  • ผู้มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย นมเหี่ยวหลังการลดน้ำหนักมากๆ รวมถึงคุณแม่หลังการตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีรูปทรงหน้าอกผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น ภาวะหน้าอกแฟบ อกบุ๋ม หน้าอกทรงท่อ ทรงหลอด (Tuberous Breast)
  • ผู้ที่เคยผ่าตัดเต้านมมาก่อน และต้องการฟื้นฟูขนาดรูปร่างหน้าอกให้กลับมาได้รูปทรงที่สวยงาม เช่น การผ่าตัดมะเร็งเต้านม หรืออุบัติเหตุที่บริเวณหน้าอก 

ข้อดีของการเสริมหน้าอก

  • ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น หน้าอกสวยดูมีวอลลุ่ม 
  • แก้ไขปัญหาหน้าอกไม่สมมาตร หน้าอกไม่เท่ากันให้ดูดีขึ้นได้อย่างชัดเจน
  • ปรับสมดุลรูปร่างให้สวยงามมากขึ้น ช่วยลดปัญหาช่วงสะโพกกว้างกว่าช่วงอก 
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้สวยงาม ดูดีและเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง
  • การเสริมหน้าอกให้ผลลัพธ์ในลักษณะกึ่งถาวร หลังการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 10-15 ปี หรืออาจมากกว่านั้นแตกต่างไปในแต่ละบุคคล

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการเสริมหน้าอก

  • อาจเกิดความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ การเกิดเลือดคั่งหรือเลือดออกมาก รวมถึงการเกิดลิ่มเลือด ซิลิโคนรั่ว ซิลิโคนแตก การหดรัดตัวของพังผืด (Capsular Contracture) ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้นหากศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือผู้เข้ารับบริการไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดอย่างเหมาะสม
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต และผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่ไม่สมจริงอาจไม่เหมาะกับการเสริมหน้าอก 

การยกกระชับหน้าอก Vs การเสริมหน้าอก แตกต่างกันอย่างไร ควรทำแบบไหนดี?

จากรายละเอียดข้างต้น สามารถสรุปได้ว่าการยกกระชับหน้าอกและการเสริมหน้าอกเป็นการศัลยกรรมที่มีเป้าหมายและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การยกกระชับหน้าอก (Breast Lifting) มุ่งแก้ไขปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหรือขาดความกระชับ โดยการปรับให้หน้าอกยกสูงขึ้นและเต่งตึงมากขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มขนาดหรือวอลลุ่มหน้าอก ส่วนการเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) จะเน้นไปที่การเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มวอลลุ่มให้หน้าอกดูเต็มอิ่ม สวยงาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยและต้องการยกกระชับโดยไม่ต้องการเพิ่มขนาด ไม่ต้องการมีเนินหน้าอกเยอะ อยากได้หน้าอกทรงธรรมชาติ การยกกระชับหน้าอกเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการปรับรูปทรงหน้าอกให้สวยงามไปพร้อมๆ กับการเพิ่มคัพหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มเนินหน้าอกให้เต็มสวยการเสริมหน้าอกจะตอบโจทย์มากกว่า ทั้งนี้การเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดควรพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ปัญหาหน้าอก ความต้องการของผู้เข้ารับบริการและดุลยพินิจของศัลยแพทย์เฉพาะทางเป็นสำคัญ

ทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกพร้อมเสริมหน้าอกได้หรือไม่?

การยกกระชับหน้าอกพร้อมกับการเสริมหน้าอกเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนและต้องอาศัยเทคนิคขั้นสูงร่วมกับประสบการณ์ของศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ในอดีตจึงไม่นิยมทำทั้ง 2 เทคนิคนี้พร้อมๆ กันแต่จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการยกกระชับไปก่อนแล้วรอให้หน้าอกเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือนจึงเริ่มเสริมหน้าอกอีกครั้ง เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด อย่างไรก็ตามด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผ่าตัดในยุคปัจจุบัน รวมถึงทักษะความรู้เกี่ยวกับเส้นเลือดและเส้นประสาทจึงสามารถทำการยกกระชับและเสริมหน้าอกไปได้พร้อมๆ กันได้อย่างปลอดภัย และมีข้อดีที่น่าสนใจอยู่หลายประการ เช่น 

  • สร้างผลลัพธ์ที่ครบถ้วนได้ในครั้งเดียว แพทย์สามารถแก้ไขปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยและขาดความกระชับ พร้อมทั้งเพิ่มขนาดหน้าอกได้ในขั้นตอนเดียว
  • ลดความซ้ำซ้อนในการผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องดมยาสลบหลายครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด 
  • ลดระยะเวลาในการพักฟื้น ช่วยให้ผู้เข้ารับบริการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น  
  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวม การผ่าตัดทั้งสองอย่างในครั้งเดียวช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของการดมยาสลบ ค่าห้องผ่าตัดและการดูแลหลังผ่าตัด 

ข้อควรระวังเพิ่มเติม 3 กลุ่มที่ไม่ควรเสริมหน้าอกและยกกระชับพร้อมกัน

อย่างไรก็ตามการเลือกทำทั้งสองเทคนิคพร้อมกันในครั้งเดียวอาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสำหรับทุกคน จึงมีความจำเป็นต้องแยกการผ่าตัดออกเป็น 2 ครั้งตามความเหมาะสมในแต่ละเคส ดังนี้

  • กลุ่มที่หน้าอกหย่อนคล้อยไม่มาก โดยส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มที่หน้าอกหย่อนคล้อยเทียมหรือมีความหย่อนคล้อยในระดับเริ่มต้น (ระดับ 1) 
3 กลุ่มที่ไม่ควรเสริมหน้าอกและยกกระชับพร้อมกัน

ซึ่งในกรณีนี้สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการเสริมหน้าอกโดยเลือกใช้ซิลิโคนขนาดใหญ่เพียงพอเพื่อให้เนื้อหน้าอกยืดได้พอดี ร่วมกับการใช้เทคนิคการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อหรือวางแบบ Dual Plane ซึ่งวางส่วนหนึ่งไว้ใต้กล้ามเนื้อและส่วนหนึ่งใต้เนื้อหน้าอก เพื่อทำให้หน้าอกดูใหญ่และเต่งตึงมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับเพิ่มเติม

  • กลุ่มที่มีขนาดหน้าอกทั้งสองข้างไม่เท่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเคสที่ตัดสินใจได้ยากว่าควรเลือกใช้ขนาดซิลิโคนเท่ากันทั้ง 2 ข้างหรือไม่ และต้องตัดเนื้อหน้าอกออกมากน้อยเพียงใดจึงจะสามารถสร้างหน้าอกทรงสวยได้ในระยะยาว ดังนั้นในกลุ่มที่หน้าอกไม่เท่ากันมากๆ ควรแบ่งการผ่าตัดออกเป็น 2 ระยะ คือ ผ่าตัดเพื่อยกกระชับหน้าอกข้างที่เล็กให้เต่งตึงขึ้น และผ่าตัดลดขนาดหน้าอกข้างที่ใหญ่เพื่อปรับขนาดหน้าอกทั้ง 2 ข้างให้เท่าๆ กัน และกลับมาเสริมหน้าอกใหม่อีกครั้งเมื่อครบกำหนด 3-6 เดือนหลังผ่าตัดลดขนาดหน้าอก 
  • คุณภาพผิวหนัง และเนื้อหน้าอกหย่อนมาก เช่น ผู้ที่เคยผ่าตัดลดน้ำหนักมาก่อน ผิวหนังไม่ยืดหยุ่น มีรอยแตกลายของผิวหนัง รวมไปจนถึงคนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยมาก (ระดับ 2 – ระดับ 3) มีระยะห่างจากขอบบนของกระดูกหน้าอก (Sternal Notch) ไปจนถึงหัวนมมากกว่า 35 cm.
3 กลุ่มที่ไม่ควรเสริมหน้าอกและยกกระชับพร้อมกัน

ซึ่งกลุ่มนี้อาจมีภาวะหัวนมและปานนมตายจากการยกกระชับมาก่อนแล้ว คุณภาพผิวหนังไม่ดี การฟื้นตัวช้า ทำให้หน้าอกอาจกลับมาหย่อนเพิ่มได้เร็วกว่าปกติ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้แยกการผ่าตัดออกเป็น 2 ระยะ คือ ผ่าตัดยกกระชับหน้าอกทั้ง 2 ข้างให้เต่งตึงขึ้นก่อน จากนั้นรอ 3-6 เดือน แล้วค่อยมาเสริมซิลิโคนอีกครั้ง สำหรับเคสที่ยกกระชับไปแล้วหน้าอกได้รูปทรงสวย ไม่มีการหย่อนคล้อยเพิ่มก็สามารถเสริมซิลิโคนแค่เพียงอย่างเดียว แต่ในบางเคสที่คุณภาพผิวหนังบริเวณหน้าอกไม่ดีมากๆ ทำให้หน้าอกหย่อนเพิ่มอีกแพทย์จะพิจารณาเสริมหน้าอกพร้อมยกกระชับเพียงเล็กน้อย

สรุป

การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) และ การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation) เป็นศัลยกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน โดยการยกกระชับหน้าอกเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับตำแหน่งและแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยให้หน้าอกกลับมาดูกระชับ เต่งตึงและไม่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอก ส่วนการเสริมหน้าอกเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มวอลลุ่มให้หน้าอกและปรับสมดุลของรูปร่างให้ดูสวยงาม สำหรับผู้ที่มีทั้งปัญหาอกหย่อนคล้อย ขาดความกระชับและต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นสามารถทำทั้งสองอย่างได้พร้อมๆ กัน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลาพักฟื้นและค่าใช้จ่าย โดยอาจมีบางกรณีที่ควรแยกการผ่าตัดเป็น 2 ระยะเพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เคสที่หน้าอกหย่อนคล้อยไม่มาก เคสที่หน้าอกมีขนาดไม่เท่ากันอย่างชัดเจนและเคสที่มีคุณภาพผิวหนังไม่ดี หน้าอกหย่อนคล้อยรุนแรง ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยหลังการผ่าตัด ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อประเมินปัญหาและวางแผนขั้นตอนการผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม

ครั้งแรกของแพลตฟอร์มที่เผยแพร่ความรู้ด้านศัลยกรรมความงาม อยู่ภายใต้การดูแลโดยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งและทีมแพทย์เฉพาะทาง