เจาะลึกเสริมหน้าอกยกกระชับหน้าอกฉบับสมบูรณ์

เจาะลึกเสริมหน้าอก ยกกระชับ ฉบับสมบูรณ์

การศัลยกรรมเสริมหน้าอก การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน นับเป็นการศัลยกรรมเสริมความงามที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้หญิงรวมถึงกลุ่มเพศที่สามมากทีเดียวครับเพราะการเสริมหน้าอกช่วยปรับเพิ่มขนาดและรูปทรงของหน้าอกให้ดูสวยงาม เต้านมดูกลมกลึงและมีขนาดที่สมมาตรเท่าๆ กัน ทั้งยังช่วยเพิ่มสัดส่วนให้รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งดูมีเสน่ห์น่ามอง ช่วยเสริมความมั่นใจและทำให้รู้สึกสนุกไปกับการแต่งตัว แต่อย่างไรก็ตามการศัลยกรรมเสริมหน้าอก การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนไม่ใช่แค่เพียงการผ่าตัดหน้าอกเพื่อใส่ซิลิโคนในขนาด cc ตามความต้องการของคนไข้แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ศัลยแพทย์จะต้องพิจารณาร่วมด้วยเพื่อช่วยสร้างผลลัพธ์การเสริมหน้าอกที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ ขนาดของหน้าอกรับเข้ากับสรีระได้อย่างสวยงามโดยที่คนไข้ไม่ต้องกลับมาผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนขนาดใหม่อีกครั้งในอนาคต

สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาหน้าอกเล็ก หน้าอกหย่อนคล้อยไม่กระชับและสนใจอยากเสริมหน้าอก ในบทความนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลและปัจจัยสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก หน้าอกที่สวยงามต้องเป็นแบบไหน? ควรเลือกขนาดของซิลิโคนกี่ cc? ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหลังการลดน้ำหนักต้องทำอย่างไร? เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนแล้วต้องยกกระชับหน้าอกด้วยไหม? หลังเสริมหน้าอกต้องนวดไหม? มาดูทุกคำตอบในบทความนี้ได้เลยครับ

การเสริมหน้าอก คืออะไร?

การเสริมหน้าอก คืออะไร?

การเสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก (Breast Augmentation)  คือ การผ่าตัดเพื่อปรับเพิ่มขนาดของหน้าอกให้ดูใหญ่และได้รูปทรงที่สวยงามรับเข้ากับสรีระมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันนิยมเสริมหน้าอกด้วยการใช้ถุงซิลิโคน (Silicone) ที่มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 200-500 cc โดยมีวิธีการผ่าตัดและวางซิลิโคนที่ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ การวางซิลิโคนแบบเหนือกล้ามเนื้อ การวางใต้กล้ามเนื้อและการวางแบบใต้กล้ามเนื้อบางส่วนขึ้นอยู่กับปัญหาและโครงสร้างหน้าอกของคนไข้แต่ละบุคคล การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกเล็กและต้องการเพิ่มขนาดให้หน้าอกใหญ่ขึ้น ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเมื่ออายุมากขึ้น นมเหี่ยวจากการตั้งครรภ์และให้นมบุตร รวมไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนยานหลังการลดน้ำหนักมากๆ โดยหลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันที และหน้าอกจะเริ่มเข้าที่เต้านมดูสวยเป็นธรรมชาติประมาณ 3-6 เดือนหลังการผ่าตัด

4 คุณสมบัติของหน้าอกที่สวย

ก่อนที่เราจะไปพูดเกี่ยวกับการเลือกขนาดซิลิโคนที่ใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม หมออยากให้ดูรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของหน้าอกที่สวยงามเป็นธรรมชาติกันก่อนสักเล็กน้อยครับ มีหลายคนที่คิดว่าหน้าอกที่สวยงามและดูดีนั้นดูกันแค่เรื่องของขนาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ความจริงแล้วหน้าอกที่ดูสวยควรประกอบด้วย 4 คุณสมบัติเหล่านี้

1. ขอบเขตของเต้านม จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่สูงหรือไม่ต่ำจนเกินไป โดยขอบเขตของเต้านมนับรวมถึงขอบเขตด้านบน ด้านล่าง ด้านข้างและด้านใน

2. รูปร่างและทรงเต้านม ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงอายุ เชื้อชาติและวัฒนธรรมความงามของแต่ละประเทศครับ สำหรับหน้าอกที่สวยงามของชาวเอเชีย จากการศึกษาโดยคุณหมอ Jae Jin Ock ประเทศเกาหลีในปี 2019 พบว่าหน้าอกที่สวยจะต้องมีลักษณะรูปร่าง ดังนี้

ลักษณะรูปร่างหน้าอกที่สวย
  • เต้านมส่วนบน (เหนือหัวนม) มากกว่าเต้านมส่วนล่าง (ใต้หัวนม) โดยจะต้องได้สัดส่วนต่อกันที่ร้อยละ 55:45
  • เนินเต้านมด้านบนจะต้องเป็นเส้นตรงหรือมีลักษณะที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย
  • เต้านมส่วนล่างควรโค้งป่องออกมาเล็กน้อย
  • ลักษณะของหัวนมจะต้องชี้ไปข้างหน้าในแนวราบ

3. ความได้สัดส่วนของเต้านมกับร่างกายส่วนอื่น อ้างอิงจากงานวิจัยพบว่าโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการเปรียบเทียบขนาดความกว้างของเต้านมทั้ง 2 ข้างให้มีขนาดเท่ากันกับสะโพกเพื่อให้ช่วงบนและล่างของร่างกายดูสมส่วนกันมากที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าคนส่วนใหญ่ยังชอบให้ความกว้างของหน้าอกทั้ง 2 ข้าง มีขนาดที่พอๆ กันกับช่วงความกว้างของหัวไหล่เช่นเดียวกันครับ

4. ความเท่ากันของเต้านมทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากเต้านมทั้ง 2 ข้างอยู่ใกล้กันมากจึงอาจทำให้ถูกเปรียบเทียบได้ง่ายกว่าอวัยวะส่วนอื่นๆ ดังนั้นแล้วเต้านมที่สวยงามควรมีขนาดและรูปร่างที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดจนไม่สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างกันได้โดยง่าย

เลือกขนาดซิลิโคนอย่างไร ให้หน้าอกสวยเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Silicone) คือ การเลือกขนาด (cc) ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดครับ สิ่งที่พบได้บ่อยคือคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาเสริมหน้าอกมักจะต้องการ “ขนาด” ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำครั้งเดียวก็อยากได้หน้าอกขนาดใหญ่ cc เยอะๆ ไปเลยจะได้สร้างการเปลี่ยนแปลงของคัพหน้าอกอย่างชัดเจน แต่ความจริงแล้วการตัดสินใจเลือกขนาดของซิลิโคนที่ใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบหรือความต้องการของคนไข้แค่เพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมอื่นๆ ร่วมด้วย ดังนี้

เลือกขนาดซิลิโคนอย่างไร ให้หน้าอกสวย

ขนาดความกว้างของเต้านม การเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมควรใช้ซิลิโคนที่มีความกว้างของฐานน้อยกว่าความกว้างของเต้านมประมาณ 1 cm. เช่น ความกว้างของเต้านมอยู่ที่ 12 cm. ก็ควรเลือกใช้ซิลิโคนที่มีความกว้างของฐานประมาณ 11 cm. เหตุผลสำคัญที่ต้องเลือกซิลิโคนที่มีช่วงฐานแคบกว่าก็เพื่อไม่ให้ซิลิโคนล้นจนคลำได้ขอบซิลิโคนนั่นเองครับ เมื่อเราเลือกขนาดฐานซิลิโคนที่เหมาะสมได้แล้วจึงค่อยไปเลือกความพุ่ง (profile) ของซิลิโคนเป็นประเด็นถัดไปโดยระดับความพุ่งที่นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่คือ Moderate Plus Profile (ประมาณ 300 cc) และ High Profile (ประมาณ 375 cc)

ระดับของเส้นใต้ราวนม (inframammary fold)

ระดับของเส้นใต้ราวนม (inframammary fold) เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ต้องพิจารณาร่วมกับการเลือกขนาดของซิลิโคนเสริมหน้าอกเนื่องจากเต้านมไม่ได้มีแค่ความกว้างแต่ยังมีความสูงด้วยครับ ซึ่งความกว้างของฐานซิลิโคนก็คือความสูงของซิลิโคนถ้าเราเสริมซิลิโคนใหญ่เกินไปก็จะทำให้ซิลิโคนอยู่ต่ำกว่าเส้นใต้ราวนมจนทำให้หน้าอกดูผิดสัดส่วน จุดสำคัญคือความเปลี่ยนแปลงของระยะจากหัวนมลงมาถึงเส้นใต้ราวนมก่อนการผ่าตัดและหลังการผ่าตัดไม่ควรเปลี่ยนแปลงมากกว่า 1 cm หรือในเคสที่ต้องการเสริมหน้าอกขนาดใหญ่มากก็จะต้องตัดเนื้อเยื่อบริเวณเส้นใต้ราวนมเดิมให้คลายออกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเส้นใต้ราวนมเดิมรัดซิลิโคนจนทำให้เต้านมส่วนล่างเป็น 2 ลอน ทำให้หน้าอกดูผิดสัดส่วน ไม่เป็นธรรมชาติ

\การประเมินความยืดหยุ่นของเนื้อเต้านม

การประเมินความยืดหยุ่นของเนื้อเต้านม โดยแพทย์จะลองยืดเนื้อเต้านมมาทางด้านหน้า ถ้าเต้านมยืดได้มากกว่า 3 cm. แปลว่าเนื้อเต้านมยืดได้ดีและสามารถเลือกใช้ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้ แต่ถ้าหากยืดได้น้อยกว่า 2 cm. ก็จะต้องเลือกซิลิโคนที่ค่อนไปทางเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้ตึงเกินไปและซิลิโคนกดเนื้อนมจนฝ่อได้ในระยะยาว

การยืดของผิวหนัง

การยืดของผิวหนัง แพทย์จะวัดระยะจากหัวนมถึงฐานเต้านมเมื่อยืดสุด ถ้ายืดได้มากกว่า 9.5 cm. แสดงว่าผิวหนังยืดได้มากในเคสนี้สามารถเลือกใช้ซิลิโคนขนาดใหญ่เพื่อช่วยให้ซิลิโคนเติมเต็มผิวหนังให้เต่งตึงขึ้นได้อย่างพอเหมาะ แต่ถ้าผิวหนังยืดได้น้อยกว่านั้นก็ควรเลือกซิลิโคนขนาดเล็กเพื่อไม่ให้ซิลิโคนกดผิวหนังจนบางและเกิดเป็นริ้วๆ คล้ายรอยแตกลาย

ข้อเสียของการใช้ซิลิโคนเสริมหน้าอกขนาดใหญ่เกินไป

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าการเลือกใช้ซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอกไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องขนาดความใหญ่ หรือปริมาณ cc แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ศัลยแพทย์ผู้รับผิดชอบยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยสร้างหน้าอกที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว ได้แก่

  • การคลำเจอขอบซิลิโคนในตำแหน่งต่างๆ ของเต้านม เนื่องจากเนื้อเต้านมไม่หนาพอที่จะคลุมซิลิโคน
  • ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเนื้อเยื่ออักเสบ กล้ามเนื้อหน้าอกฉีกขาดและซิลิโคนเต้านมทะลุ
  • ปัญหาเต้านมแฝด เต้านมชิดกันมากเกินไปจนดูผิดรูปเนื่องจากซิลิโคนมีขนาดใหญ่
  • เส้นประสาทที่อยู่บริเวณเต้านมถูกยืดออกมากเกินไปจนทำให้การรับความรู้สึกที่หัวนมเปลี่ยนแปลงไป
  • ผิวหนังที่บริเวณหน้าอกบางลงและอาจทำให้เกิดปัญหาเต้านมหย่อนคล้อยได้ในอนาคต
  • อาการปวดตึงหลัง คอ บ่า ไหล่หรืออาการแน่นหน้าอก หายใจได้ลำบากหลังการเสริมหน้าอก

ปัญหาหน้าอกหย่อนหลังลดน้ำหนัก ต้องทำอย่างไร?

ในผู้หญิงที่ผ่านการลดน้ำหนักตัวมามากกว่า 40-50 กิโลกรัม มักทำให้เกิดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยมากกว่าปกติหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นขั้นสุดๆ ของหน้าอกหย่อนคล้อย โดยได้มีการแบ่งการเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าอกในกลุ่มนี้ออกเป็น 4 เกรด (Pittsburgh Rating Scale) เพื่อการวางแผนการผ่าตัดรักษาได้อย่างเหมาะสม

ขั้นสุดๆ ของหน้าอกหย่อนคล้อย
  • Grade 0 หน้าอกปกติ ซึ่งไม่พบเลยในคนลดน้ำหนักมากๆ
  • Grade 1 หน้าอกหย่อนระดับ 1 หรือ 2 หรือเต้านมยังใหญ่อยู่ เป็นปัญหาหน้าอกหย่อนยานในขั้นต้น พบได้ประมาณ 26% หรือ 1 ใน 4 ของคนไข้ สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดยกกระชับหน้าอกแค่เพียงอย่างเดียวหรือลดขนาดหน้าอกให้เล็กลง
  • Grade 2 เต้านมหย่อนระดับ 3 หรือเนื้อนมฝ่อลงปานกลาง เต้านมมีความหย่อนคล้อยมากขึ้นแต่ยังไม่รุนแรงมาก พบได้ประมาณ 34% หรือ 1 ใน 3 ของคนไข้ สามารถรักษาด้วยการยกกระชับอย่างเดียว ลดขนาดหน้าอก หรือผ่าตัดยกกระชับหน้าอกพร้อมกับการเสริมซิลิโคนเพื่อเพิ่มเนินหน้าอกด้านบน
  • Grade 3 เต้านมหย่อนมาก ร่วมกับเนื้อเต้านมฝ่อมาก และผิวหนังหย่อนมากด้วย เป็นระยะที่หน้าอกหย่อนยานมากๆ จนสูญเสียความเป็นเต้านมไป เนื้อนมฝ่อมาก ผิวหนังเสียความยืดหยุ่นและหน้าอกแบนราบเป็นปัญหาที่พบได้มากถึง 40% ของคนไข้ สามารถรักษาด้วยวิธีการยกกระชับหน้าอก ลดขนาดหน้าอก หรือยกกระชับพร้อมเสริมซิลิโคนเพื่อเพิ่มเนินหน้าอกด้านบนไปพร้อมกัน นอกไปจากนั้นในกลุ่ม Grade 3 อาจต้องมีการเย็บเก็บเนื้อด้านข้างลำตัวเพิ่มเติมไปด้วย

จะเห็นได้ว่าในกลุ่มที่ลดน้ำหนักตัวลงอย่างรวดเร็วมักทำให้เกิดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยร่วมด้วยเสมอและอาจมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นในขั้นตอนของการรักษาจึงจำเป็นต้องทำการยกกระชับหน้าอกรวมด้วยเสมอ ส่วนการปรับลดหรือเพิ่มขนาดหน้าอกจากปัญหาเนื้อหน้าอกขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวคนไข้เอง

เสริมหน้าอกอย่างเดียวได้ไหม จำเป็นต้องยกกระชับหน้าอกด้วยหรือเปล่า?

มีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ประสบปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย นมยาน หลังการให้นมบุตร การลดความอ้วนและจากอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความต้องการหลักของทุกคนคือต้องการปรับขนาดและสัดส่วนของเต้านมให้ดูกลมสวยและเต่งตึงมากขึ้น แต่ในบางครั้งการเสริมเต้านมด้วยซิลิโคนแค่เพียงอย่างเดียวก็อาจไม่เพียงพอและมีความจำเป็นต้องทำการยกกระชับหน้าอกเพิ่มด้วย โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญที่แพทย์ต้องใช้เพื่อการพิจารณา ดังนี้

ความหย่อนคล้อยของเนื้อเต้านมด้านล่าง

1. ตำแหน่งของหัวนม โดยปกติหัวนมจะต้องอยู่เหนือกว่าฐานล่างของเต้านมขึ้นมาประมาณ 3-4 cm. ถ้าหัวนมอยู่สูงกว่าฐานเต้านมที่ 2-3 cm. ก็สามารถแก้ไขปัญหาหน้าอกด้วยการเสริมซิลิโคนอย่างเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าหากหัวนมอยู่ในระดับต่ำมากๆ หรือสูงขึ้นมาจากฐานเต้านมน้อยกว่า 2 cm. ก็จะต้องเสริมหน้าอกร่วมกับการยกกระชับด้วยครับ

2. ความหย่อนคล้อยของเนื้อเต้านมด้านล่าง ในกรณีที่เนื้อเต้านมด้านล่างหย่อนคล้อยมากๆ ก็จะต้องยกกระชับร่วมด้วย

3. ความหย่อนและความยืดหยุ่นของผิวหนัง โดยทั่วไปแล้วในกลุ่มผู้หญิงหลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร กลุ่มผู้ที่ลดน้ำหนักตัวลงเยอะๆ มักทำให้ผิวหนังบริเวณเต้านมหย่อนคล้อยและสูญเสียความยืดหยุ่น ในเคสที่มีปัญหาค่อนข้างรุนแรงก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกกระชับหน้าอกร่วมกับการเสริมซิลิโคนด้วยเช่นเดียวกัน

เสริมหน้าอกแล้วต้องนวดไหม?

คำถามนี้เป็นคำถามที่พบได้บ่อยมากในกลุ่มผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน เนื่องจากหลายคนกลัวว่าหากเราไม่นวดหน้าอกจะทำให้หน้าอกแข็งเพราะมีพังผืดหดรัด (capsular contracture) ซิลิโคนเป็นบล็อก ไม่นิ่ม ไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่? ก่อนอื่นต้องอธิบายกันก่อนครับว่าทุกเคสหลังการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอย่างน้อยจะต้องมี capsular contracture เกิดขึ้นอยู่แล้วโดยระดับความแข็งจะแตกต่างกันออกไป ได้แก่

  • ระดับที่ 1 เป็นระดับที่มี capsular contracture เกิดขึ้นแล้วแต่หน้าอกยังนิ่มและดูเป็นธรรมชาติ
  • ระดับที่ 2 หน้าอกแข็งขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังมีรูปทรงที่เป็นธรรมชาติอยู่
  • ระดับที่ 3 หน้าอกจะแข็งขึ้นอีกและรูปทรงเริ่มไม่เป็นธรรมชาติ
  • ระดับที่ 4 ระดับนี้หน้าอกจะแข็งมาก จับแล้วเจ็บ รูปทรงไม่เป็นธรรมชาติมากที่สุด

โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา capsular contracture อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ชนิดของผิวซิลิโคนที่เลือกใช้ ชั้นกล้ามเนื้อที่วางซิลิโคน การเกิดเลือดคั่งหรือมีเลือดออกรอบซิลิโคน หรือเกิดจากการติดเชื้อและมี biofilm ของแบคทีเรียที่ผิวของซิลิโคน ฯลฯ จึงได้มีการแนะนำให้ใช้วิธีการนวดเพื่อลดการเกิด capsular contracture โดยให้นวดหน้าอกเป็นประจำทุกวันในช่วงเดือนแรกหลังการเสริมหน้าอก ทั้งนี้จากข้อมูลงานวิจัยในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการนวดหน้าอกมีส่วนช่วยลดการเกิด capsular contracture ได้หรือไม่ เนื่องจากมีตัวแปรตามที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละงานวิจัยไม่ว่าจะเป็นวิธีการนวด ท่าทางของการนวด ความถี่ในการนวด ฯลฯ เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่เสริมหน้าอกไปแล้วจะนวดหรือไม่นวดก็ไม่มีแบบไหนผิด แต่ทั้งนี้หมอแนะนำว่าควรปรึกษาและปฏิบัติตามข้อแนะนำของศัลยแพทย์เจ้าของเคสจะปลอดภัยที่สุดครับ

สรุป

การศัลยกรรมหน้าอก การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเป็นศัลยกรรมปรับขนาดให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นและทำให้รูปทรงของหน้าอกดูสวยงามรับเข้ากับสรีระได้อย่างพอเหมาะ ช่วยแก้ปัญหาในกลุ่มผู้ที่ไม่มีหน้าอก หน้าอกเล็ก ผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อย นมย้อย นมยานเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น ผู้หญิงหลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ตลอดไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยหลังจากการลดน้ำหนัก โดยศัลยแพทย์จะต้องพิจารณาเลือกใช้ขนาดของซิลิโคนตามความต้องการของคนไข้ร่วมกับการประเมินโครงสร้างฐานเต้านมเดิม เช่น ขนาดความกว้างของฐานเต้านม ระดับเส้นใต้ราวนม การประเมินความยืดหยุ่นของเนื้อเต้านม การยืดของผิวหนัง ฯลฯ เพื่อสร้างหน้าอกที่สวยงาม มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นและสร้างผลลัพธ์ความประทับใจให้กับคนไข้ได้มากที่สุด

ครั้งแรกของแพลตฟอร์มที่เผยแพร่ความรู้ด้านศัลยกรรมความงาม อยู่ภายใต้การดูแลโดยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งและทีมแพทย์เฉพาะทาง