ลดขนาดหน้าอกใหญ่ ด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

ลดขนาดหน้าอกใหญ่ ด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

หากพูดถึงการศัลยกรรมหน้าอกสิ่งที่หลายๆ คนคิด อาจจะต้องเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับเพิ่มขนาดหน้าอก เสริมหน้าอกเล็กให้มีขนาดคัพที่ใหญ่ได้สัดส่วนที่สวยงามและดูเซ็กซี่มากขึ้น แต่ความจริงแล้วนั้นอีกปัญหาที่มีโอกาสพบได้ค่อนข้างบ่อยคือ ปัญหาหน้าอกใหญ่ หรือ ภาวะหน้าอกใหญ่ ซึ่งมีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการมีภาวะปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทั้งอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดแขน ปวดไหล่และปวดศีรษะ รวมไปจนถึงมีปัญหาทางด้านจิตใจ รู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตนเองเนื่องจากถูกล้อเลียนเกี่ยวกับขนาดหน้าอกและกังวลว่ามีคนจ้องมองหน้าอกอยู่ตลอดเวลาจนมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าสังคม อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดจากการมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากเกินไปเหล่านี้สามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก (Breast Reduction) เพื่อปรับลดขนาดหน้าอกให้เล็กลงและมีสัดส่วนที่รับเข้ากับรูปร่างมากขึ้น

หากพูดถึงการศัลยกรรมหน้าอกสิ่งที่หลายๆ คนคิด อาจจะต้องเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับเพิ่มขนาดหน้าอก เสริมหน้าอกเล็กให้มีขนาดคัพที่ใหญ่ได้สัดส่วนที่สวยงามและดูเซ็กซี่มากขึ้น แต่ความจริงแล้วนั้นอีกปัญหาที่มีโอกาสพบได้ค่อนข้างบ่อยคือ ปัญหาหน้าอกใหญ่ หรือ ภาวะหน้าอกใหญ่ ซึ่งมีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการมีภาวะปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทั้งอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดแขน ปวดไหล่และปวดศีรษะ รวมไปจนถึงมีปัญหาทางด้านจิตใจ รู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างของตนเองเนื่องจากถูกล้อเลียนเกี่ยวกับขนาดหน้าอกและกังวลว่ามีคนจ้องมองหน้าอกอยู่ตลอดเวลาจนมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าสังคม อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดจากการมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากเกินไปเหล่านี้สามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก (Breast Reduction) เพื่อปรับลดขนาดหน้าอกให้เล็กลงและมีสัดส่วนที่รับเข้ากับรูปร่างมากขึ้น

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก คืออะไร?

ลดขนาดหน้าอกใหญ่ ด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก (Breast Reduction) คือ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดของหน้าอกให้เล็กลง ปรับรูปทรงของเต้านมให้สวยงามและมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับร่างกายมากยิ่งขึ้น ช่วยจัดการปัญหาหน้าอกใหญ่เทอะทะ อกหย่อนคล้อย นมยานไม่เป็นทรงให้กลับมาดูสวยงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการภาวะหน้าอกใหญ่มากกว่าปกติที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม โดยสามารถแบ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้หน้าอกใหญ่ได้ 3 สาเหตุ ได้แก่

  • ปัญหาหน้าอกใหญ่โดยไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic) แต่ทั้งนี้เชื่อว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) อย่างรุนแรง ซึ่งสาเหตุนี้พบได้บ่อยมากที่สุด 
  • ปัญหาหน้าอกใหญ่ชนิดผิดปกติในกลุ่มวัยรุ่น (Juvenile Breast Hypertrophy) โดยจะทำให้ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นมีขนาดหน้าอกขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วภายในช่วง 6 เดือน และจะค่อยๆ โตขึ้นอย่างช้าๆ อาจจะโตข้างเดียวหรือโตทั้ง 2 ข้างก็ได้
  • ปัญหาหน้าอกใหญ่ผิดปกติที่เกิดจากการตั้งครรภ์ (Pregnancy-Induced Breast Hypertrophy) เป็นปัญหาหน้าอกใหญ่ที่พบได้บ่อยในกลุ่มคุณแม่หลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรเพราะโดยปกติหน้าอกจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อตั้งครรภ์อยู่แล้วและจะเล็กลงในภายหลัง แต่ในกลุ่มนี้หน้าอกจะมีขนาดใหญ่ผิดปกติและไม่ยุบตัวลงหลังคลอดหรือหลังให้นมบุตร บางรายอาจทำให้เต้านมเป็นแผลแตกและติดเชื้อได้

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก เหมาะกับใคร?

หน้าอกแบบไหนถึงจะใหญ่ผิดปกติ? การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก เหมาะกับใคร? ในปัจจุบันยังไม่มีการระบุขนาดของหน้าอกได้อย่างชัดเจนว่าหน้าอกไซซ์ไหนที่มีขนาดใหญ่มากเกินไปและควรเข้ารับการผ่าตัด แต่ทั้งนี้ในเคสส่วนใหญ่ที่แพทย์แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดขนาดหน้าอกมักจะเป็นเคสที่มีภาวะความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจร่วมด้วย ดังนี้

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่มีอาการปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดร้าวไปที่ศีรษะเพราะต้องแบกรับขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป
  • ผู้ที่มีการปวดแขน แขนชา เกิดรอยแผลกดทับจากสายเสื้อชั้นใน
  • ผู้ที่มีผื่นและเชื้อราขึ้นที่ใต้ราวนมเนื่องจากมีความอับชื้นในบริเวณดังกล่าวตลอดเวลา
  • ผู้ที่มีหน้าอกขนาดใหญ่และเริ่มใช้ชีวิตประจำวันได้ยากลำบาก ไม่สามารถออกกำลังกาย วิ่งหรือกระโดด รวมถึงหาซื้อเสื้อผ้าและไซซ์ชุดชั้นในได้ยาก
  • ผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง มีปัญหาในการเข้าสังคมเนื่องจากถูกล้อเลียนเรื่องขนาดหน้าอกหรือถูกจ้องมองหน้าอกอยู่บ่อยๆ

โดยแพทย์จะทำการตรวจประเมินขนาดของหน้าอกว่าควรแก้ไขปัญหาด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกหรือไม่ หรือควรใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคองไปก่อน เช่น การให้ยาแก้ปวด การใส่เสื้อชั้นในชนิดพิเศษและการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อหลังและคอแข็งแรงขึ้น เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกที่ไม่เหมาะสม (ซึ่งจะพูดถึงรายละเอียดในข้อหัวข้อถัดๆ ไป)

ข้อดีของการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • จากการศึกษาข้อมูลในเคสการรักษาโดย Mayo Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดขนาดหน้าอก ทำให้อาการปวดไหล่ ปวดเต้านม ปวดหลังส่วนบนและผื่นคันใต้ราวนมดีขึ้นหรือหายไปได้มากกว่า 80%
  • ช่วยเพิ่มความรู้สึกมั่นใจในตนเอง ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับขนาดหน้าอกและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคซึมเศร้าที่เกิดจากการถูกล้อเลียนหรือรู้สึกขาดความมั่นใจในตนเองเป็นเวลานาน
  • ช่วยให้คนไข้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น สามารถเดิน วิ่งหรือออกกำลังกายได้ตามที่ต้องการ
  • ช่วยให้คนไข้เลือกซื้อเสื้อผ้าและชุดชั้นในได้ง่ายขึ้น รู้สึกสนุกกับการแต่งตัว 

ช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมกับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก คือ ช่วงที่หน้าอกหยุดโตแล้ว สำหรับเพศหญิงในช่วงวัยรุ่นควรรอให้มีอายุ 18 ปีเป็นต้นไปจึงจะสามารถผ่าตัดเพื่อลดขนาดหน้าอกได้อย่างปลอดภัย ส่วนผู้ที่มีปัญหามีหน้าอกขนาดใหญ่หลังการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรรอให้ขนาดหน้าอกหยุดเปลี่ยนแปลงหรือรอให้น้ำนมแห้งสนิท ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนจึงเข้าจะเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดขนาดหน้าอกได้

ควรผ่าตัดลดขนาดหน้าอกลงไปมาก-น้อยแค่ไหน?

จากผลการศึกษาในกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกจำนวน 114 เคส ที่มีการเผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ Plastic and Reconstructive Surgery (PRS) พบว่ากลุ่มที่ลดขนาดหน้าอกน้อยกว่า 500 กรัมและมากกว่า 500 กรัม ช่วยให้อาการต่างๆ จากการมีหน้าอกใหญ่ดีขึ้นและพบว่าคนไข้ทั้ง 2 กลุ่มมีระดับคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ดีขึ้นใกล้เคียงกันโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าอกที่ตัดออกไป ดังนั้นแล้วอาจสรุปได้ว่าการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกมาก-น้อยเพียงไหนนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวคนไข้เอง โดยศัลยแพทย์ผู้รับผิดชอบอาจให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่าควรปรับลดขนาดหน้าอกประมาณไหนจึงจะได้หน้าอกที่สวยงามและมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับขนาดตัวมากที่สุด

ต้องตรวจ Mammogram ก่อน-หลังการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกหรือไม่

คนไข้หลายคนอาจรู้สึกเป็นกังวลว่าภาวะหน้าอกใหญ่ที่เป็นอยู่เกิดจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งหรือมีชิ้นเนื้อร้ายหรือไม่? จำเป็นต้องมีการตรวจ Mammogram ก่อนการผ่าตัดหรือส่งเนื้อเต้านมส่วนที่ตัดออกเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยาหรือเปล่า? หมอต้องขออธิบายก่อนครับว่าโดยปกติแล้วศัลยแพทย์จะทำการตรวจเต้านมเพื่อดูความผิดปกติก่อนเริ่มขั้นตอนการรักษาอยู่แล้ว ถ้าหากคนไข้มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีอายุน้อยกว่า 40 ปีแต่มีความเสี่ยงสูงหรือมีประวัติการเป็นมะเร็งเต้านมในครอบครัวก็จะส่ง mammogram หรืออัลตราซาวนด์เต้านมก่อนเริ่มขั้นตอนการผ่าตัดเป็นรายๆ ไปเพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาภาวะเต้านมใหญ่ได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่าชิ้นเนื้อของผู้ป่วยที่มาลดขนาดเต้านม มีเนื้อผิดปกติได้ที่ราวๆ 3-10% และอาจตรวจพบมะเร็งที่ประมาณ 0.9-2.4%

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกมีกี่วิธี

ปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดเพื่อลดขนาดหน้าอกที่แพทย์นิยมใช้อยู่ทั้งหมด 3 วิธี ซึ่งการผ่าตัดแต่ละรูปแบบมีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. แผลผ่าตัดรอบปานนม (Circumareolar Incision)

แผลผ่าตัดรอบปานนม (Circumareolar Incision)

ข้อดี: ผ่าตัดลดขนาดหน้าอกเฉพาะบริเวณลานนม ทำให้มีโอกาสเกิดรอยแผลได้น้อย

ข้อเสีย: ลดขนาดเต้านมได้ไม่มาก ยกหัวนมขึ้นได้ไม่เกิน 2 เซนติเมตร และอาจทำให้ลานหัวนมผิดรูปได้

2. แผลผ่าตัดแบบตั้ง (Vertical Incision)

แผลผ่าตัดแบบตั้ง (Vertical Incision)

ข้อดี: แผลผ่าตัดสั้น ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดน้อย

ข้อเสีย: การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกด้วยวิธีนี้ช่วยเก็บผิวหนังส่วนเกินได้เฉพาะในแนวตั้งเท่านั้น ตัดเต้านมได้ไม่มาก เต้านมในช่วงแรกจะดูไม่สวย ต้องรอเวลาประมาณ 3-6 เดือนเต้านมจึงจะเริ่มเข้ารูปสวย

3. แผลผ่าตัดรูปตัว T (inverted T Incision)

แผลผ่าตัดรูปตัว T (inverted T Incision)

ข้อดี: ลดขนาดเต้านมได้ตามต้องการ รูปร่างเต้านมสวยและใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ตัดผิวหนังส่วนเกินได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

ข้อเสีย : ใช้เวลาในการผ่าตัดนาน แผลผ่าตัดยาว เพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่หน้าอก

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกด้วยวิธีใดก็ตามศัลยแพทย์ผู้รับผิดชอบจะต้องคำนึงถึงเป้าหมายของการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกเหล่านี้ร่วมด้วยเสมอ

  • การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกที่ดีจะต้องสามารถปรับขนาดหน้าอกได้ตรงตามความต้องการของคนไข้ พร้อมทั้งให้มีเลือดและเส้นประสาทไปเลี้ยงเนื้อเต้านมและหัวนมอย่างเพียงพอ
  • การผ่าตัดลดขนาดหน้าอกทำเพื่อช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ของผู้ป่วยที่เกิดจากหน้าอกใหญ่ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ เป็นต้น
  • มุ่งเน้นการสร้างรูปทรงเต้านมสวยงาม ให้หัวนมและลานนมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และเต้านมคงรูปได้ในระยะยาว
  • ทำให้เกิดรอยแผลเป็นน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้

ผ่าตัดลดขนาดหน้าอกแล้วหน้าอกจะโตขึ้นอีกหรือไม่?

คนไข้หลายคนที่ต้องการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก อาจเกิดความกังวลได้ว่าหลังการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกไปแล้วเต้านมจะกลับมาใหญ่เหมือนเดิมไหม? คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไปหรือเปล่า? คำตอบก็คือ หน้าอกอาจจะโตขึ้นได้อีกเล็กน้อยแต่จะไม่โตขึ้นเท่ากับก่อนเข้ารับผ่าตัดลดขนาดหน้าอกครับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ปัญหาหน้าอกโตหลังการผ่าตัดมักเกิดขึ้นจากสาเหตุสำคัญเหล่านี้

  • การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว ภาวะอ้วนหลังผ่าตัดลดขนาดหน้าอก หากคนไข้ไม่ควบคุมน้ำหนักตัวหลังจากการผ่าตัด มีภาวะน้ำหนักตัวเกินและเกิดการสะสมไขมันขึ้นมาใหม่ก็อาจทำให้หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง 
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น ดังนั้นแล้วในเคสที่มีภาวะหน้าอกใหญ่ผิดปกติในช่วงวัยรุ่นจึงควรรอให้ระดับฮอร์โมนเข้าที่ก่อน อาจจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 18 ปีเป็นต้นไป และควรรอให้หน้าอกไม่ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 6-12 เดือน จึงค่อยเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
  • การตั้งครรภ์ เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนได้เช่นเดียวกัน หากเกิดการตั้งครรภ์หลังจากการผ่าตัดก็อาจทำให้หน้าอกขยายขนาดขึ้นมาอีก ดังนั้นแล้วหากมีการวางแผนตั้งครรภ์ในอนาคตก็ไม่ควรเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดขนาดหน้าอกในระยะเวลาอันใกล้

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน มีรอยแผลแยกและแผลหายช้า เนื้อนมตาย หัวนมและลานนมตาย เนื่องจากความตึงของผิวหนังและเส้นเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอหรืออาจทำให้เกิดเลือดคั่งและก้อนเลือดบริเวณแผลผ่าตัดเนื่องจากมีเลือดออกที่บริเวณรอยแผล จึงควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการรักษาทั้งการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและควรหยุดสูบบุหรี่ทั้งช่วงก่อนและหลังการผ่าตัด อย่างน้อย 4 สัปดาห์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา
  • ควรเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกกับศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางเท่านั้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น เกิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ รูปร่างเต้านมไม่สวย หัวนมและลานนมอยู่ผิดตำแหน่งหรือเต้านมทั้งสองข้างมีขนาดไม่เท่ากันได้
  • ในกรณีที่คนไข้เป็นโรคอ้วน มีภาวะน้ำหนักตัวเกินมากๆ ควรลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายหรือใช้หัตถการทางการแพทย์เพื่อให้มีค่า BMI น้อยกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร และรอให้น้ำหนักตัวคงที่อย่างน้อย 3-6 เดือน จึงจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
  • หากผ่าตัดลดขนาดหน้าอกในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้หน้าอกขยายขนาดใหญ่ขึ้นและต้องกลับมาผ่าตัดแก้ไขหน้าอกอีกครั้ง  

สรุป

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก (Breast Reduction) เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อลดขนาดหน้าอกให้เล็กลง ปรับรูปทรงของเต้านมให้สวยงามและมีสัดส่วนที่รับเข้ากับร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกใหญ่เกินไปและมีปัญหาทางร่างกายและจิตใจร่วมด้วย ไม่ว่าจะมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดศีรษะ ปวดแขน มีอาการชาหรือมีรอยแผลที่ใต้ราวนมที่เกิดจากความอับชื้น รวมไปจนถึงผู้ที่ขาดความมั่นใจในตนเองเนื่องจากถูกล้อเลียนเกี่ยวกับขนาดหน้าอกหรือถูกจ้องมองหน้าอกอยู่เป็นประจำ โดยแพทย์จะเลือกใช้เทคนิคการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกและตัดเอาเนื้อหน้าอกส่วนเกินออกในปริมาณที่เหมาะสมพร้อมย้ายตำแหน่งหัวนม ปรับขนาดลานนมและสัดส่วนของเต้านมให้สวยงามมากขึ้น เพื่อป้องกันภาวะข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดควรขอรับคำปรึกษาจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับลดขนาดหน้าอกเพื่อการวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและใช้เทคนิคการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปรับลดขนาดหน้าอกให้ดูเด็กลงได้อย่างชัดเจน สวยงามและไม่ต้องกลับมาผ่าตัดแก้ไขหน้าอกซ้ำอีกครั้งในอนาคต 

ครั้งแรกของแพลตฟอร์มที่เผยแพร่ความรู้ด้านศัลยกรรมความงาม อยู่ภายใต้การดูแลโดยทีมศัลยแพทย์ตกแต่งและทีมแพทย์เฉพาะทาง